วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2556

(จะ) เป็นนายหน้ามืออาชีพ เริ่มต้นอย่างไร

อาชีพนายหน้าอสังหาฯ ในประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายหรือ พ.ร.บ.ควบคุม ดังนั้นใครจะเปิดตัวเป็นนายหน้าวันนี้ก็สามารถทำได้ทันที ยกเว้นชาวต่างชาติที่ถูกห้ามไม่ให้ประกอบอาชีพนานหน้าตามประกาศ ปว.281 ซึ่งระบุไว้เพียงคราวๆในลักษณะคุ้มครองวิชาชีพร่วมกับอาชีพอื่นๆ เท่านั้น สำหรับผู้ที่ตัองการจะเข้าสู่อาชีพนายหน้าจะต้องเริ่มต้นอย่างไร ซึ่งแบ่งได้ 2 กลุ่มคือกลุ่มทั่วไปและกลุ่มวิชาชีพ

กลุ่มทั่วไป คือนายหน้าพื้นบ้านและนายหน้าตัวแทน ผู้สนใจจะทำอาชีพนี้เริ่มต้นได้ทันทีทำงานยามว่างไม่ต้องทิ้งงานปนะจำเดิม ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด

กลุ่มวิชาชีพ คือนายหน้าบริหารโครงการ นายหน้าอิสระ นายหน้าโบรคเกอร์ และนายหน้าสมทบ นายหน้ากลุ่มนี้ถือเป็นผู้ที่ทำอาชีพนายหน้าอย่างจริงจัง ดังนั้นจึงต้องมีความรู้และความชำนาญ

สนใจจะเข้าสู่อาชีพนายหน้า?

ทางเลือกที่1
สมัครเข้าเป็นพนักงานขายของนายหน้าบริหารโครงการหรือนายหน้าโบรคเกอร์ในฐานะนายหน้าสมทบ ซึ่งนายหน้าเหล่านี้เป็นองค์กรในรูปนิติบุคคลที่มีระบบการฝึกอบรมวิชาการเกี่ยวกับวิชาชีพนี้โดยตรง ทั้งยังมีระบบการสนับสนุนให้บุคลากรใหม่สามารถยืนอยู่ได้ในช่วงต้นของอาชีพนี้ ซึ่งเป็นทางเลือกที่ง่่ายสุดสำหรับคนใหม่ที่สนใจจะเข้าสู่อาชีพนี้ ส่วนขัอเสียคือต้องทำงานภายใต้กรอบระเบียบขององค์กรนั้น หรืออาจถูกสัญญาผูกมัดให้ทำงานกับองค์กรนั้นต่อไปเป็นระยะเวลาหนึ่งก็ได้

ทางเลือกที่2
เข้าอบรมหลักสูตรวิชาชีพนายหน้าอสังหาฯ ที่โรงเรียนอบรมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ Real Estate Training School (Thailand) ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ดำเนินการและรับรองโดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ผู้ผ่านการอบรมหลักสูตรนี้เมื่อสอบผ่านและเป็นสมาชิกสมาคมนายหน้าแล้วจะได้รับบัตรประจำตัวนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ สามารถเลือกเส้นทางอาชีพนี้ได้ ตั้งแต่เป็นนายหน้าสมทบที่ทำงานภายใต้โบรคเกอร์ หรือเป็นนายหน้าอิสระไม่ต้องขึ้นต่อใคร หรือหากมีทุนและทีมงานก็อาจก่อตั้งเป็นนายหน้าโบรคเกอร์ได้

ทางเลือกที่3
เข้าอบรมหลักสูตรวิชาชีพนายหน้าอสังหาฯ ที่โรงเรียนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย ซึ่งอำนวยการโดย ดร.โสภณ พรโชคชัย หลักสูตรนี้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาฯเช่นเดียวกัน

"คุณสมบัติที่สำคัญของนายหน้าคือ ความซื่อสัตย์ อดทน รับผิดชอบ และความสม่ำเสมอเท่านั้น"

วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556

การทำ Farm ดีอย่างไร?

Farm หรือ Farming หมายถึง การกำหนดเขต หรือ ขอบข่ายของพิื้นที่ทำการของเราให้ชัดเจน ว่าควรมีพื้นที่ทำการตรงไหน ขนาดเท่าใด เพื่อความสะดวก รวดเร็ว ประหยัด และมีประสิทธิภาพสูงสุดในการบริการ
ตัวแทนหรือนักขาย 1 คน จะสามารถบริการลูกค้าใน List ให้ได้ประสิทธิผลเพียง 40-60 รายการเท่านั้น   จึงไม่จำเป็นต้องกำหนด Farming ให้กว้าง - ไกลเกินไป หมายถึงท่านจะรอบรู้ในเขตรับผิดชอบอย่างถ่องแท้ ลึกซึ้ง มากกว่ายนักขายใดๆ จะต้องรู้ว่า ในโซนการทำงาน มีหมู่บ้านกี่แห่ง  แต่ละแห่งมีบ้าน มีตึกอยู่กี่หลังแต่ละหลังมีขนาด ลักษณะ และราคาเท่าใด มีประกาศขายกี่หลัง ขายไปแล้วกี่หลัง เป็นของที่เรารับผิดชอบกี่หลัง และระดับราคาที่บอกขายๆกันอยู่ที่เท่าไหร่? ขายได้จริงๆราคาเท่าไหร่? ที่ดินเปล่าตารางวะละเท่าไร? ราคาประเมินของกรมที่ดินเท่าไร? ของธนาคารเท่าไร? ฯลฯ  ข้อมูลลึกๆเช่นนี้ หากไม่ลงไปสัมผัสอย่างใกล้ชิดแล้ว ยากจะได้มาอย่างถูกต้องครบถ้วน

ดังนั้นจึงควรสรุปในขั้นต้นให้ได้สียก่อนว่าตัวเรา มีศักยภาพมากน้อยเพียงใดที่จะรับ list ในพื้นที่หนึ่งๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นจำนวนเท่าใด?

ขยาย Farm ทำได้ทุกเมื่อ แต่อย่าให้เกินกำลัง หรือเกินความสามารถที่จะดูแลได้ทั่วถึง ความเชื่อถือจากลูกค้าจะน้อยลง






วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2556

นายหน้า คือ?

ผู้ชี้ช่องให้บุคคลสองฝ่าย คือ ผู้จะซื้อและผู้จะขาย (ผู้เช่าและผู้ให้เช่า)

หรือจะพูดให้ดูเป็นนักกฎหมายในปัจจุบัน คือ

ผู้เข้าทำสัญญากับเจ้าของทรัพย์ หรือ บุคคลผู้ประสงค์เข้าทำสัญญากับเจ้าทรัพย์ เพื่อชี้ช่องหรือจัดการให้บุคคลดังกล่ว ได้ทำสัญญาอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ เช่น ซื้อ ขาย ฝากขาย จะซื้อจะขาย แลกเปลี่ยน จำนอง เช่า หรือ เช่าซื้อ โดยมุ่งหวังบำเหน็จอันเนื่องจากการนั้น

อะไรทำให้คนซื้อ

1. คนซื้อเพราะอารมณ์  ต้องสร้างอารมณ์ให้ลูกค้าคล้อยตาม
2. ลูกค้าจะต่อต้านด้วยเหตุผล
3. ตัวแทนมือโปร ต้องมีเหตุผลที่ดีต่อลูกค้า

การควบคุมการขายด้วยคำถาม

สิ่งที่ต้องรู้เพื่อการควบคุมการขาย
1. รู้จักเลือกสรร
2. ตัดสินใจให้กับลูกค้า
3. อย่าคัานลูกค้า
4. นำลูกค้าด้วยคำถาม

ใช้คำถามเพื่ออะไร?
1. เพื่อควบคุมการสนทนา
2. เพื่อกระตุ้น

ข้อแนะนำในการ quality

1. ตอนนี้เขาทำงานอยู่ที่ไหนและอยู่ที่ไหน?
2. ไม่ต้องเขินในการเอาแบบฟอร์มมากรอก บอกลูกค้าได้เลยว่า ที่คุณถามลูกค้าเพราะคุณจะช่วยขจัดปัญหาของลูกค้า, ช่วยแก้ปัญหา,
ให้ความกระจ่าง, เป็นความสุขกับลูกค้าของเรา

3. การ quality ตัวแทนมือโปรต้อง
- ฉลาดในการแก้ไขสถานการณ์
- สร้างความเป็นกันเอง
- เสนอตัวเลขบางอย่างแล้วคอยสังเกตุปฎิกริยาตอบสนองของลูกค้า
4. โดยทั่วไปลูกค้าจะรู้ว่าเขาต้องการอะไร

"อย่าคิดว่าตัวแทนที่ดี คือนักพูดที่เก่งกาจสามารถ แต่มันคือการเป็นนักฟังที่ดีต้างหาก"

วิธีรับโทรศัพท์ แบบตัวแทนมือโปร

How to answer the phone calls
1. สิ่งที่ควรรู้และกระทำคือ
- คนที่โทรเข้ามาตัองการอย่างเดียว คือ ต้องการ "รู้"
- ถามถึงจุดประสงค์และความต้องการของเขา
- ขอชื่อและเบอร์โทรกลับของเขา
- ไม่จำเป็นต้องขายได้ทันที ต้องขายตัวเองให้ได้ก่อน

เทคนิคการรับโทรศัพท์
1. การยกหูรับโทรศัพท์  เสียงดัง 3 ครั้ง
    ** ห้ามรับโทรศัพท์ ขณะประชุมเสียมารยาทมาก **
2. น้ำเสียง ถ้าไม่พร้อมอย่ารับสาย
3. ยอมรับความต้องการของเขา
4. อย่าให้เขารอนาน
5. ถามชื่อ โทร

วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556

การเข้าพบลูกค้า Making Contact

ขั้นตอนในการพบลูกค้า
1. ยิ้มเล็กน้อย สื่อความเป็นมิตรไมตรี ทำให้เป็นสันดาน
2. เข้าไปกราบสวัสดี
3. แนะนำตัวเองและบริษัท
4. ต้อง qualify ลูกค้า - ต้องฟังและจด มีแบบฟอร์ม แสดงถึงความตั้งใจให้ลูกค้าเห็น เก็บ record ลูกค้า จะเห็นประวัติลูกค้าที่ติดต่อเข้ามา
5. อย่าเรียกลูกค้าว่า "พี่" ให้ระบุ "ชื่อคุณลูกค้า"  จนกว่าลูกค้าจะอนุญาตให้เรียกอย่างอื่น

เชื่อหรือไม่ว่า 90%

การหาลูกค้า ..ไม่ยาก

1. ลูกค้าที่มีความต้องการจริง?
- พูดคุยกับลูกค้า สอบถามเพื่อหาความต้องการก่อน ถ้าไม่ชัดเคลีย จบอย่าไปทำเสียเวลา ลูกค้าไม่ต้องการจริง

2. ลูกค้าที่จะซื้อได้เลย?
- สอบถามลูกค้าต้องการซื้อเลยหรือยัง เพื่อประเมินว่าลูกค้่าจะซื้อจริง หรือยังไม่

3. มีความสามารถทางการเงิน?
- สอบถามซื้อสดหรือกู้แบงค์? ถ้ากู้แบงค์ ถามเงินเดือนประจำ รายได้อื่นๆ สามารถซื้อได้จริงหรือไม่? สอบถามภาระหนี้? เครคิตบรูโรติดไหม?

4. มีอำนาจในการตัดสินใจ?
- ถ้าบ้านหลังแรก 95% ตัดสินใจร่วมกัน(ไม่มีใครกล้าตัดสินใจ) ถ้ามีลูกด้วย ต้องให้ตัดสินใจทั้งครอบครัว

ตัองวิเคราะห์ "6 ประเภทลูกค้า และหาลูกค้า 4 ข้อ"

แบ่งประเภทลูกค้าอสังหาริมทรัพย์

ลูกค้าแบ่งเป็น 6 ประเภท

1. ลูกค้าที่ซื้อบัานหลังที่ 2 หรือหลังที่ 3
- ขายง่ายลูกค้ามีประสบการณ์ซื้อ แต่ agent ต้องสอบถามความต้องการลูกค้าจะขายง่าย ถามให้มากสุดลูกค้าตัดสินใจเอง --ง่าย

2. ลูกค้าที่ไม่เคยซื้อบัานมาก่อนเลย เช่น เพิ่งแต่งงาน ซื้อเพราะต้องการอิสระและเป็นส่วนตัว
- ต้องตีโจทย์ให้แตก ว่าลูกค้าต้องการเมื่อใด เร็วช้า จะเป็นจุดตัดสินใจลูกค้าว่าจะจัดกลุ่มใด --ง่าย

3. ลูกค้าซื้อเพื่อเปลี่ยนให้ดีขึ้น หรือให้ใหญ่ขึ้น
- ลูกค้าประเภทนี้จะยากขึ้นแต่ใช้เวลา
แต่หาความต้องการเขาได้จะขายง่่าย

4. ลูกค้าซื้อเพื่ออยู่อาศัยหลังจากเกษียณอายุ
- เทคนิคไม่จำเป็นต้องขาย เพราะลูกค้าเขารู้อยู่แล้ว ให้พิจารณาบริเวณบ้านลูกค้า สภาพแวดล้อม เพื่อวิเคราะห์ลูกค้า เจออะไรให้คุยเรื่องนั้นกับลูกค้า --จบการขาย
"เทคนิคการขาย แต่ไม่ขาย"

5. ลูกค้าซื้อเพื่อการลงทุน
- พวกนี้ต้องการกำไร ถ้ามีข้อมูลให้เขาดีๆจะตัดสินใจเร็วขายง่าย "ทำอย่างไร ต้องทำให้เขาเห็นได้ farming"
- พวกนี้ต่อแหลก ต้องมีจุดให้ตัดสินใจ --ใช้หลัก body language

6. ลูกค้าซื้อเพราะต้องการย้ายบ้านเพื่องาน

" นายหน้าที่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะไม่รู้ความต้องการลูกค้าอะไร "

*** จดจำ ฝึกฝน และนำไปใช้ ***

ใครคือลูกค้าอสังหาริมทรัพย์ ?

ประเภทของลูกค้า

ใครคือลูกค้าอสังหาริมทรัพย์ ก่อนจะรู้ว่าลูกค้าคือใคร "สิ่งที่ต้องรู้ก่อน"

ทำด้วยความจริงใจ ในการกระทำ

1. กล้าเข้าหาหรือเข้าพบลูกค้า
2. ต้องชี้ชวนให้เขาพูด (ลูกค้าคือศัตรู ต้องรู้เขารู้เราให้มากสุด)
3. ต้องรับฟังทุกสิ่งที่ลูกค้าพูด
"จริงหรือที่ลูกค้ามักโกหกเพื่อหลอกเราไว้ใช้"
4. คุณต้องทำให้ลูกค้าได้สิ่งที่เขาพอใจ
จำไว้ : "ลูกค้าของคุณเสาะหาสิ่งที่เป็นประโยชน์ของเขา ไม่ใช่เขาหาผลประโยชน์ให้ลูกค้า"
5. มีคุณธรรมจรรยาบรรณ

ข้อสำคัญที่สุด
"อย่าดูถูกลูกค้า อย่าตัดสินใจคนเพียงการแต่งกาย เพราะลูกค้าที่ดีหลายๆราย ที่เจอนั้นไม่เคย แสดงตัวว่าเขาเองดีเด่น ประการใดเลย"

วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556

การคำนวณที่ดิน

ตัวอย่างการคำนวณ

1.8 ซม

2.5 ซม

ที่ 1 ไร่ 3 งาน 62 ตร.ว.

การคำนวณ: ที่ 1 ไร่ 3 งาน 62 ตร.ว.

มาตราส่วน 1:2000 หมายถึง
วัดได้ 1 ซม จะมีค่า 2000 ซม หรือ 20 เมตร
วัดได้ 2.3 ซม ก็จะมีค่า 2.3x20 =46เมตร
วัดได้ 3.3 ซม มีค่า 3.3x20=66 เมตร

แต่ถ้าโฉนดที่ได้มา มีการถ่ายเอกสารมาแล้ว เราจะไม่สามารถวัดได้ตามมาตราส่วน 1:2000 ได้อีกเหมือนเดิม

ที่ 1 ไร่ 3 งาน 62 ตร.ว.
มีค่า 400+300+62=762 ตร.ว.

..

ดังนั้นที่ 762 ตรว มีค่า 762x4=3048 ตรม
วัดได้ 1.8x2.5 ซม=4.5 ตร.ซม (3048 ตรม)
ดังนั้น 1 ตร.ซม = 3048/4.5 = 677.33 ตรม
1 ซม จึง = \/677.333  = 26.

"ถ้าที่ดินไม่สวยล่ะ"
ตีเส้นช่วย ก็จะคำนวณได้

วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2556

หลักการกำหนดโซนนิ่ง

- พื้นที่ ที่ท่านคุ้นเคย และชำนาญที่สุด
- สะดวกแก้การเข้าถึง
- ไม่น้อย และไม่มากเกินไป
- farming จะเป็นของเราตลอดไป

แผนที่

เราต้องรู้รายละเอียดโซนที่เลือกไว้ ทั้งหมดเช่น ซอย บ้าน หมู่บ้าน ที่ว่าง ราคาประเมินทั้งหมด

ขั้นตอนการทำ farm
- กำหนดเส้นทางสำรวจ
- การวางแผนงานในแต่ละวัน
- ศึกษาพื้นที่ในโซนอย่างละเอียด
- เก็บ บันทึกทุกๆข้อมูล
- การรับ และวิเคราะห์ lists
-  จัดระเบียบ list
    วิเคราะห์ ประเมิน จัด list รับหรือไม่รับ list

วิธีการติดต่อ และเข้าพบลูกค้า
- ความพร้อมส่วนตัว
- ความรู้ความชำนาญ
- มาด-บุคลิก แต่งตัว
- เอกสาร
- อื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ปฎิบัติการรับ lists
การถ่ายรูป
การติดป้าย
การจัดเก็บเอกสาร
การประชาสัมพันธ์
ลง internet

การบริหาร lists
- why? update!!
- ประชาสัมพันธ์
- นำเสนอ
- เจรจา ต่อรอง ลูกค้าติ ต่อรองมีโอกาสซื้อ ไม่ต่อไม่ติไม่ซื้อ
- ปิดการขาย- โอนทรัพย์

การทำ farm ดีอย่างไร?

การทำ farm หมายถึงการกำหนดเขต หรือขอบข่าย พื้นที่ทำการของเราให้ชัดเจนว่าเรา หรือบริษัทของเรา ควรทำการในพื้นที่ตรงไหน ขนาดเท่าไร เพื่อความสะดวก รวดเร็ว ประหยัด และมีประสิทธิภาพสูงสุด ในบริการ.... ทำใม?

จากสถิติอันเป็นที่ยอมรับแล้วทั้วไปประมาณกันว่า พนักงานขาย ตัวแทนหรือนายหน้า 1 คนจะสามารถบริการลูกค้า หรือแบกรับภาระในการดูแล List ให้ได้
ได้เพียง 40-60 รายการเท่านั้น

ถ้าบ้านอยู่ริมทะเลสาบ ที่มีปลาอยู่หน้าบ้าน 4000 ตัว จำเป็นไหม ที่ท่านต้องพายเรือไปอีกฟากหนึ่งของทะเล เพื่อจับปลาแบบเดียวกัน?

List เกรดเอ มาจากนายหน้าเกรดเอเท่านั้น

ท่านจะสู้ดีกว่าผู้ใดในพื้นที่ว่า ในเขตทำการของท่าน มีที่ดิน มีโครงการอยู่กี่แห่ง แต่ละแห่งมีบ้่าน มีตึกอยู่

แหล่งที่มาของ lists
*Lists คุณภาพ
-ราคาดี
-ทำเลดี
-สภาพพร้อมขาย
-เจ้าของพร้อมขาย

ต้นทุน list ประมาณ 6000-8000 ต่อ list

ต้องวิเคราะห์ list ปรับปรุง list จากเกรด c เป็น เกรด a แล้วนำเสนอลูกตลอดเวลา ให้ลูกค้ารับรู้สถานะ list ของลูกค้าด้วย

Open list คือการเปิดอิสระ ให้กับทุกนายหน้าสามารถขายได้
มืออาชีพไม่ทำ ไม่รับ ขายได้จะเบี้ยวค่าคอม

แหล่ง Lists อยู่ที่ใด?
- สื่อสิ่งพิมพ์
เช่นบ้านพร้อมอยู่ list หน้าแรกๆไม่ดู(เพราะลูกค้าเซ็นสัญญาไว้แล้ว)  ให้ดูหน้าท้ายๆนั้นคือลูกค้าเรา เลือกเฉพาะในโซนนิ่ง เรา โทรไปนัดเป็นนายหน้า

- ลงพื้นที่-เสาะหา lists
สถิติหาลูกค้า 10 รายได้ 1 ราย

- ศูนย์อิทธิพล

วันเสาร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2556

3 รูปแบบการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์

การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันมีทางเลือกการลงทุน 3 แบบด้วยกันคือ
1. การลงทุนในอหสังหาริมทรัพย์โดยตรง
    เป็นการลงทุนเพื่อเก็งกำไร และลงทุนเพื่อให้เช่า ใช้งานลงทุนเยอะมากมีความเสี่ยงสูง มีสภาพคล่องต่ำกว่า

2. การลงทุนในหุ้นอสังหาริมทรัพย์
    จะให้ผลตอบแทน 2 ส่วน คือ ผลตอบแทนจากเงินปันผล และผลตอบแทนจากราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น


3. การลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์
    จะคล้ายกับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โดยตรง มีสภาพคล่องสูงกว่า สามารถซื้อขายได้ทันที